sparkling wine 7-11

sparkling wine 7-11

sparkling wine 7-11 (ไวน์ฟองน้ำ) คือไวน์ที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (carbon dioxide) ที่ทำให้มีฟองน้ำ ก๊าซนี้สามารถเกิดขึ้นได้ภายในขวดไวน์ในระหว่างกระบวนการทำให้ไวน์หรือเพิ่มเติมก๊าซหลังจากนั้น การทำให้ไวน์มีฟองน้ำสามารถทำได้โดยการใส่น้ำตาลและยีสต์เพื่อให้เกิดกระบวนการหมักที่ทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลายเป็นฟองน้ำ

ไวน์ฟองน้ำที่มีชื่อเสียงมีหลายประเภท เช่น ชัมเปญ (Champagne) ที่มีกำเนิดจากภูเขาไชลองในฝรั่งเศส, โปรเซ็กโก (Prosecco) จากอิตาลี, ครีมัน (Cava) จากสเปน, และซาว (Saumur) จากฝรั่งเศส, ซึ่งแต่ละประเทศมีวิธีทำและสไตล์ที่แตกต่างกันไป ไวน์ฟองน้ำมักถูกนำมาใช้ในงานเฉลิมฉลองและการฉลองต่างๆ เนื่องจากมีความสดชื่นและสนุกสนาน

sparkling wine 7-11 มียี่ห้อไหนบ้าง?

มีหลายยี่ห้อของ sparkling wine ที่มีความรู้ดังนี้:

1. Champagne: Champagne เป็น sparkling wine ที่มีกำเนิดจากภูเขาไชลองในฝรั่งเศส และมีมาตรฐานที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อให้ถูกต้องทางกฎหมาย ยี่ห้อที่มีชื่อเสียงรวมไปถึง Moët & Chandon, Veuve Clicquot, Dom Pérignon, Krug, และ Ruinart

2. Prosecco: Prosecco เป็น sparkling wine จากอิตาลีที่ทำจากองุ่น Glera บางยี่ห้อที่น่าสนใจรวมถึง Mionetto, Zonin, และ Santa Margherita

3. Cava: Cava เป็น sparkling wine จากสเปน โดยทั่วไปใช้องุ่น Macabeo, Parellada, และ Xarel-lo Freixenet และ Codorníu เป็นยี่ห้อ Cava ที่มีชื่อเสียง

4. Crémant: Crémant เป็น sparkling wine ที่ผลิตในฝรั่งเศสนอกเหนือจาก Champagne, แต่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่แตกต่าง ยี่ห้อที่มีชื่อเสียงรวมถึง Crémant d’Alsace, Crémant de Bourgogne, และ Crémant de Loire

5. Cava: Cava เป็น sparkling wine จากสเปนที่ใช้รายการองุ่นที่กว่า Champagne โดยทั่วไป Segura Viudas, Freixenet, และ Codorníu เป็นต้นแบบที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ยังมี sparkling wine จากแหล่งผลิตไวน์อื่น ๆ ทั่วโลก, แต่ยี่ห้อที่กล่าวถึงเป็นที่นิยมและมีชื่อเสียงมากที่สุด

ขั้นตอนการผลิต 

การผลิต sparkling wine มีขั้นตอนหลายขั้นตอนที่ซับซ้อน, ตั้งแต่การทำไวน์พื้นฐานจนถึงกระบวนการทำให้มีฟองน้ำ นี่คือขั้นตอนหลักของการผลิต sparkling wine:

1. การเก็บองุ่น: การผลิต sparkling wine เริ่มต้นด้วยการเก็บองุ่นที่เหมาะสมสำหรับการทำไวน์ บางยี่ห้อ sparkling wine อาจใช้องุ่นที่เฉพาะเจาะจง, ส่วนใหญ่มักใช้หลายสายพันธุ์

2. การบีบอัด: องุ่นถูกบีบอัดเพื่อสกัดน้ำหลังจากนั้นน้ำนี้จะถูกใส่ถังทำไวน์

3. การทำไวน์พื้นฐาน: น้ำนี้จะถูกทำไวน์ตามขั้นตอนปกติของการทำไวน์ นั่นรวมถึงกระบวนการหมัก (fermentation) ที่นำน้ำองุ่นที่ถูกสกัดมาใส่ถังหมักและเพิ่มยีสต์

4. การหล่อเข้าขวด: ไวน์ที่ได้รับการทำไวน์พื้นฐานจะถูกหล่อลงในขวดและเติมระดับลงทะเบียนเพื่อให้มีพื้นที่ว่างสำหรับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

5. การเพิ่มน้ำตาลและยีสต์: น้ำตาลและยีสต์จะถูกเพิ่มเข้าไปในขวดเพื่อเริ่มกระบวนการหมักที่สร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

6. การทำให้มีฟองน้ำ: ขวดจะถูกปิดด้วยฝาที่สามารถหายใจได้เพื่อให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สามารถกัดตัวไวน์ได้ กระบวนการนี้เรียกว่า méthode traditionnelle (วิธีแบบดั้งเดิม) หรือ méthode champenoise (วิธีแชมเปญ)

7. การแก้วซิ่น: หลังจากกระบวนการหมักเสร็จสิ้นแล้ว, ขวดจะถูกแก้วซิ่นเพื่อลดการสูญเสียก๊าซและเตรียมไวน์สำหรับการอายุ

8. การเก็บรักษา: ไวน์จะถูกเก็บรักษาในขวดนานพอสมควรเพื่อให้ไวน์ได้รับความสมบูรณ์และกลิ่นหอมที่ถูกต้อง

9. การตรวจสอบและแก้ไข: การตรวจสอบและทดสอบไวน์จะถูกทำเพื่อตรวจสอบคุณภาพและปรับแก้ไขตามต้องการ

10. การเปิดขวด: ในขณะที่ย่อยตัวเองหรือโดยผู้ผลิต, การเปิดขวดจะทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปล่อยออกมาและสร้างฟองน้ำ

กระบวนการนี้ทำให้ไวน์ฟองน้ำมีลักษณะเฉพาะและมีรสชาติที่สดชื่น